วันพุธที่ 11 เมษายน 2555
บันทึกของ'ทูตลับ'
บันทึกของ'ทูตลับ' : มนุษย์สองหน้า โดย แคน สาริกา
เสียดายที่ใครไม่ได้ไปงานเปิดตัวหนังสือเรื่อง "อำนาจ" (ภาค 2) ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติวันสุดท้าย เพราะบนเวทีวันนั้น ทายาท "ตัวละคร" คนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมากันครบ ไม่ว่าจะลูกสาวคนโตของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ลูกสาวคนเล็กของปรีดี พนมยงค์ และครอบครัว "พัธโนทัย"
สำหรับผมแล้วเหมือนได้อ่าน "ประวัติศาสตร์มีชีวิต" โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ จิตรระพี กนกรัตน์ ลูกสาวคนเดียวของ เจริญ กนกรัตน์ ตัวละครเล็กๆ แต่ทำงานใหญ่ในภารกิจลับ "กว่างโจว-โตเกียว"
ก่อนหน้ารัฐประหาร 2500 มีข่าวลือ "ป.-ปรีดี" จะคืนดีกัน แต่มิทันความจริงจะปรากฏ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำกำลังทหารก่อการยึดอำนาจรัฐบาลพรรคเสรีมนังคศิลา จอมพล ป.และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เดินทางออกนอกประเทศ
จอมพลสฤษดิ์ ประกาศห้ามจอมพล ป.กลับเข้าประเทศไทย หากปรีดีกลับไทยก็ต้องถูกจับดำเนินในคดีสวรรคต
เบื้องหลังการทำรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ใครก็ทราบว่า มาจากการสนับสนุนของกลุ่มอนุรักษนิยม และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชนชั้นนำหวั่นไหวในความเปลี่ยนแปลงหลังม่านไม้ไผ่ และหวาดกลัวภัยคอมมิวนิสต์
ระหว่างจอมพล ป. ลี้ภัยอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ปรีดี พนมยงค์ ลี้ภัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เจริญ กนกรัตน์ คนสนิทของ สังข์ พัธโนทัย รับหน้าที่เป็นคนเดินสารเชื่อมความสัมพันธ์ของสองผู้ก่อการ 2475
ภารกิจลับนี้ดำเนินไปอย่างเงียบกริบ เจริญหวังที่จะเพื่อนเก่าได้พบกันอีกครั้ง แต่ความหวังของเขาก็จบสิ้น จอมพล ป.ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อเดือนมิถุนายน 2507
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปลายปี 2506 ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองไทยว่า จอมพล ป.จะกลับเข้าประเทศ
ในบทบันทึกของ เจริญ กนกรัตน์ ตอนที่ชื่อ "ซากามิโอโนะ-กว่างโจว ในความทรงจำ" ได้ถ่ายทอดความในใจของจอมพล ป. ก่อนสิ้นชีวิตไว้ว่า
"ผมถูกสฤษดิ์เขาทำรัฐประหารเพราะเหตุอะไร ผู้สันทัดกรณีก็ย่อมรู้ การเมืองมันลึกลับซับซ้อนแค่ไหน?
"การที่คณะราษฎรทำการปฏิวัติ นำประชาธิปไตยมาสู่ประชาชนไทยนั้น แม้จะเป็นความสำเร็จก็ตาม แต่เราต้องยอมรับว่า คณะเราส่วนใหญ่ยังมีฐานะเป็นไก่อ่อนสอนหัดอยู่ เราจึงถูกมรสุมซัดเอาถึงขั้นแพแตก คณะราษฎรจึงถูกแบ่งแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย"
จอมพล ป.ยอมรับว่า คณะก่อการ 2475 มาจากเงื่อนไขทางสังคมที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความกล้าหาญที่จะร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย
"เราร่วมงานกันได้ ก็เพราะความรักระหว่างเพื่อนฝูงโดยแท้ แต่คณะเราก็ได้ปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ"
ในบทเดียวกันนี้ "เจริญ" ยังเก็บข้อคิดความเห็นจากปากคำของปรีดี เมื่อครั้งที่พบท่านรัฐบุรุษอาวุโสในกว่างโจว มาถ่ายทอดไว้เช่นกัน
"คำว่าประชาธิปไตยนั้น มักจะเข้าใจความหมายกันผิดๆ ประชาธิปไตยแปลว่า ประชาชนเป็นใหญ่
"ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ปกครองโดยประชาชน และเพื่อประชาชน ประชาธิปไตยที่เราเห็นอยู่นี้ส่วนใหญ่ก็โดยประชาชน แต่ขาดหลักการ เพื่อประชาชน เพราะพวกชนะเลือกตั้ง มักละทิ้งหลักการเพื่อประชาชนไปเสีย กลายเป็นเพื่อตนเองและเพื่อนพ้องไปฉิบ"
มีรายละเอียดของภารกิจลับของเจริญอีกมาก หากผู้สนใจการเมืองเรื่องคณะราษฎร ก็ขอแนะให้อ่านหนังสือเรื่อง "อำนาจ" (ภาค 2) เรียบเรียงโดย รุ่งมณี เมฆโสภณ มีเรื่องราวที่เรายังไม่รู้อีกมากในหน้าประวัติศาสตร์บทนี้
เฉพาะเรื่องของทูตลับ "กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง" ก่อนจอมพล ป.สิ้นอำนาจ และ "กว่างโจว-โตเกียว" ช่วงหลังรัฐประหาร ก็ควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่ง
คนอ่าน 10,219 คน
บันทึกของ'ทูตลับ'
บันทึกของ'ทูตลับ' : มนุษย์สองหน้า โดย แคน สาริกา
เสียดายที่ใครไม่ได้ไปงานเปิดตัวหนังสือเรื่อง "อำนาจ" (ภาค 2) ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติวันสุดท้าย เพราะบนเวทีวันนั้น ทายาท "ตัวละคร" คนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมากันครบ ไม่ว่าจะลูกสาวคนโตของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ลูกสาวคนเล็กของปรีดี พนมยงค์ และครอบครัว "พัธโนทัย"
สำหรับผมแล้วเหมือนได้อ่าน "ประวัติศาสตร์มีชีวิต" โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ จิตรระพี กนกรัตน์ ลูกสาวคนเดียวของ เจริญ กนกรัตน์ ตัวละครเล็กๆ แต่ทำงานใหญ่ในภารกิจลับ "กว่างโจว-โตเกียว"
ก่อนหน้ารัฐประหาร 2500 มีข่าวลือ "ป.-ปรีดี" จะคืนดีกัน แต่มิทันความจริงจะปรากฏ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำกำลังทหารก่อการยึดอำนาจรัฐบาลพรรคเสรีมนังคศิลา จอมพล ป.และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เดินทางออกนอกประเทศ
จอมพลสฤษดิ์ ประกาศห้ามจอมพล ป.กลับเข้าประเทศไทย หากปรีดีกลับไทยก็ต้องถูกจับดำเนินในคดีสวรรคต
เบื้องหลังการทำรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ใครก็ทราบว่า มาจากการสนับสนุนของกลุ่มอนุรักษนิยม และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชนชั้นนำหวั่นไหวในความเปลี่ยนแปลงหลังม่านไม้ไผ่ และหวาดกลัวภัยคอมมิวนิสต์
ระหว่างจอมพล ป. ลี้ภัยอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ปรีดี พนมยงค์ ลี้ภัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เจริญ กนกรัตน์ คนสนิทของ สังข์ พัธโนทัย รับหน้าที่เป็นคนเดินสารเชื่อมความสัมพันธ์ของสองผู้ก่อการ 2475
ภารกิจลับนี้ดำเนินไปอย่างเงียบกริบ เจริญหวังที่จะเพื่อนเก่าได้พบกันอีกครั้ง แต่ความหวังของเขาก็จบสิ้น จอมพล ป.ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อเดือนมิถุนายน 2507
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปลายปี 2506 ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองไทยว่า จอมพล ป.จะกลับเข้าประเทศ
ในบทบันทึกของ เจริญ กนกรัตน์ ตอนที่ชื่อ "ซากามิโอโนะ-กว่างโจว ในความทรงจำ" ได้ถ่ายทอดความในใจของจอมพล ป. ก่อนสิ้นชีวิตไว้ว่า
"ผมถูกสฤษดิ์เขาทำรัฐประหารเพราะเหตุอะไร ผู้สันทัดกรณีก็ย่อมรู้ การเมืองมันลึกลับซับซ้อนแค่ไหน?
"การที่คณะราษฎรทำการปฏิวัติ นำประชาธิปไตยมาสู่ประชาชนไทยนั้น แม้จะเป็นความสำเร็จก็ตาม แต่เราต้องยอมรับว่า คณะเราส่วนใหญ่ยังมีฐานะเป็นไก่อ่อนสอนหัดอยู่ เราจึงถูกมรสุมซัดเอาถึงขั้นแพแตก คณะราษฎรจึงถูกแบ่งแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย"
จอมพล ป.ยอมรับว่า คณะก่อการ 2475 มาจากเงื่อนไขทางสังคมที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความกล้าหาญที่จะร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย
"เราร่วมงานกันได้ ก็เพราะความรักระหว่างเพื่อนฝูงโดยแท้ แต่คณะเราก็ได้ปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ"
ในบทเดียวกันนี้ "เจริญ" ยังเก็บข้อคิดความเห็นจากปากคำของปรีดี เมื่อครั้งที่พบท่านรัฐบุรุษอาวุโสในกว่างโจว มาถ่ายทอดไว้เช่นกัน
"คำว่าประชาธิปไตยนั้น มักจะเข้าใจความหมายกันผิดๆ ประชาธิปไตยแปลว่า ประชาชนเป็นใหญ่
"ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ปกครองโดยประชาชน และเพื่อประชาชน ประชาธิปไตยที่เราเห็นอยู่นี้ส่วนใหญ่ก็โดยประชาชน แต่ขาดหลักการ เพื่อประชาชน เพราะพวกชนะเลือกตั้ง มักละทิ้งหลักการเพื่อประชาชนไปเสีย กลายเป็นเพื่อตนเองและเพื่อนพ้องไปฉิบ"
มีรายละเอียดของภารกิจลับของเจริญอีกมาก หากผู้สนใจการเมืองเรื่องคณะราษฎร ก็ขอแนะให้อ่านหนังสือเรื่อง "อำนาจ" (ภาค 2) เรียบเรียงโดย รุ่งมณี เมฆโสภณ มีเรื่องราวที่เรายังไม่รู้อีกมากในหน้าประวัติศาสตร์บทนี้
เฉพาะเรื่องของทูตลับ "กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง" ก่อนจอมพล ป.สิ้นอำนาจ และ "กว่างโจว-โตเกียว" ช่วงหลังรัฐประหาร ก็ควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่ง
คนอ่าน 10,219 คน